หลวงพ่อเส็ง วัดกัลยา ร้าน @Asia พระแท้.คอม เว็บ พระเครื่อง พระบูชา พระยอดนิยม หนึ่งในสยาม
register สมัครเปิดร้านพระเครื่องไทย
ที่เปิดชมล่าสุด
สมเด็จจัมโบ้หลังยันต์เก่าไม่ทราบที่  #10894 พระโพธิจักร เนื้อดิน ลพ.ลี วัดอโศการาม ปี 2500 #10057 พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ปางไสยาสน์ วัดระฆังโฆสิตาราม สมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ พระปิดตาหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พิมพ์แขนชิด เนื้อชิน ชัยนาท หลวงปู่ทวด พิมพ์หลังหนังสือเล็ก เนื้อทองเเดงรมดำ ปีพ.ศ.๒๕๕๕ พระปิดตาหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง พิมพ์ตะพาบ สมเด็จเก่าหลังท้าวเวสสุวรรณ  #9856 ื(ขายแล้ว) หลวงปู่ศุข พิมพ์ข้างรัศมี หลวงพ่อเงิน พิมพ์นิยม
เปิดร้านพระเครื่องแท้

ประวัติพระ

พระ : หลวงพ่อเส็ง วัดกัลยา

แหล่งกำเนิด:
รายละเอียด :
ประวัติและประวัติ หลวงปู่เส่ง โสภโณ วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร เจ้าพิธีตำรับน้ำมนต์บัวลอย
 
วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร พระอารามหลวงชื่อดังแห่งฝั่งธนบุรี ไม่เพียงเลื่องลือระบือไกลด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของ "พระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อโต" (ซำปอกง) ซึ่งมากด้วยอภินิหารเท่านั้น ทว่า อดีตเจ้าอาวาสของวัดแห่งนี้ ล้วนมากมีไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิทั้งสายวิปัสสนากรรมฐาน และวิทยาคมที่สูงส่ง หนึ่งในนั้นก็คือ "พระสุนทรสมาจาร" (พรหม อินทโชติ) หรือ "เจ้าคุณพรหม" พระเกจิอาจารย์ที่เก่งทางวิชาอาคมขลัง เจ้าของพระปรกใบมะขามอันลือลั่นสนั่นกรุง
ท่านมีศิษย์เอกองค์สำคัญ ที่สร้างชื่อเสียงและความเจริญให้แก่วัดกัลยาณ์อย่างมากคือ "พระครูโศภณกัลยาณวัตร" หรือสมญานามที่บรรดาศิษย์กล่าวขานถึงด้วยความเคารพว่า "หลวงปู่เส่ง โสภโณ"
 
แม้ท่านจะอยู่ในฐานะพระลูกวัด แต่มีผู้คนให้ความเคารพศรัทธามากมาย เนื่องจากต่างเชื่อมั่นในวิชาความรู้ที่ท่านได้รับการถ่ายทอดจากเจ้าคุณพรหม อีกทั้งเลื่อมใสในความเป็นพระผู้มากด้วยเมตตาบารมีโดยแท้ ท่านมรณ ภาพไปเมื่อวันที่ 14 ม.ค.2526 สิริอายุได้ 92 ปี 7 เดือน 4 วัน นับพรรษาได้ 72 พรรษา รวมเวลากว่า 20 ปีแล้ว แต่ความเลื่อมใสศรัทธาในคุณงามความดีของท่านไม่เคยจางหายไปจากจิตใจของชาว บ้าน
 
"หลวงปู่เส่ง" เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 2434 ที่บ้านย่านปากคลองตลาด เขตพระนคร กรุงเทพฯ เป็นบุตรของนายเพี้ยน และนางแดง นามสกุล "เปี๊ยนสู่ลาภ" มีพี่น้องร่วมท้องเดียว กัน 3 คน ท่านเป็นคนโต สมัยที่ยังเยาว์วัย วัดกัลยาณมิตรซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับปากคลองตลาด มีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังรูปหนึ่งมีบารมีทางธรรมสูงและมีความเชี่ยวชาญทาง ด้านพระวิปัสสนาธุระ-วิทยาคมคือ "พระสุนทรสมาจาร" (พรหม) เมื่อครั้งยังเป็นพระครูพินิตวิหารการ
 
กิตติคุณทางไสยศาสตร์ของ ท่านเป็นที่เคารพศรัทธาของมหาชนจำนวนมาก จึงต่างพากันมาขอของดีและฝากตัวเป็นศิษย์ มีทั้งระดับชาวบ้านธรรมดาและชาววัง อาทิ พระยาศิริชัยบุรินทร์, พระยาสิงหเสนีย์, พระยาสุรเทพศักดิ์, พระยามนตรีสุริยวงศ์ และขุนหลวงพระยาไกรสีห์ (เปล่ง เวภาระ) เป็นต้น
 
โยมบิดามารดาของหลวง ปู่เส่ง ก็เป็นอีกครอบครัวหนึ่งที่พากันมาฝากตัวเป็นสานุศิษย์ในท่านเจ้าคุณพระสุนทร สมาจาร (พรหม) ทำให้ท่านได้ติดสอยห้อยตามเข้าวัดอยู่บ่อยครั้ง อาศัยที่ท่านมีใจฝักใฝ่ในทางธรรม-รักความสงบชอบความสันโดษ จึงเกิดความพอใจความสงบวิเวกภายในบริเวณวัด โดยมีคำบอกเล่าต่อๆ มาว่า ท่านมักจะหนีออกจากบ้านข้ามฟากมาวัดกัลยาณ์บ่อยๆ เพื่อหนีสภาพความสับสนวุ่นวายในย่านปากคลองตลาด
 
บางครั้งก็แอบไป นั่งสมาธิทำความสงบในป่าช้าคนเดียว ซึ่งป่าช้านั้นติดอยู่กับด้านหลังของคณะ 4 อันเป็นที่พำนักของท่านเจ้าคุณพระสุนทรสมาจาร (พรหม)
 
ในขณะนั้น บิดามารดาเห็นว่าท่านไม่มีอุปนิสัยไปในทางค้าขาย ใฝ่ใจไปในทางธรรม จึงนำบุตรชายไปมอบถวายตัวเป็นสานุศิษย์ของเจ้าคุณพรหม
 
กระทั่ง อายุ 14 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร และอุปสมบทเมื่ออายุ 21 ปี ตรงกับปีพ.ศ. 2455 ณ วัดกัลยาณมิตร โดยมี สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธิ์ ธัมมสิริ) วัดอรุณราช วราราม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระธรรมเทศา จารย์ (มุ้ย ธัมมปาโล) วัดราชโอรสาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระสุนทรสมาจาร (พรหม) วัดกัลยาณมิตร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางธรรมว่า "โสภโณ"
 
สำหรับตำแหน่ง สมณศักดิ์ เดิมได้รับตำแหน่งเป็นพระฐานานุกรมในท่านเจ้าคุณพระสุนทรสมาจาร (พรหม) เป็นพระปลัด ปีพ.ศ.2493 ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นโท (จปร.) ที่ "พระครูโศภณกัลยาณวัตร" และอยู่ในสมณศักดิ์เดิมตราบจนสิ้นอายุขัย
 
ตลอดระยะเวลาที่ดำรง ตำแหน่งพระปลัดนั้น หลวงปู่เส่งได้มีส่วนช่วยท่านเจ้าคุณพรหม ในด้านการพัฒนาต่างๆ เพราะพระอาจารย์ของท่านนอกจากจะเป็นพระเถระที่ทรงคุณธรรมในด้านพระวิปัสสนา ธุระและวิทยาคม ยังเป็นพระนักพัฒนารูปสำคัญอีกด้วย
 
สิ่งที่ "ท่านเจ้าคุณพรหม" สร้างสรรค์ไว้และได้กลายมาเป็นอนุสรณ์อันสำคัญยิ่งก็คือ การที่จัดหล่อระฆังใบใหญ่เมื่อปี พ.ศ.2474 ซึ่งต่อมาปรากฏตามหลักฐานประวัติศาสตร์ของกรมศิลปากรได้จารึกไว้ว่า "เป็นระฆังใบใหญ่ที่สุดในประเทศไทย"
ภายหลังจากที่ท่านเจ้าคุณพรหมมรณภาพปี พ.ศ.2476 "หลวงปู่เส่ง" ได้รับภาระการสร้างต่อจนเสร็จสมบูรณ์เมื่อวันที่ 1 ม.ค.2478 ทำพิธีนำระฆังไปประดิษฐานและฉลองเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2478 โดยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า เสด็จเป็นประธาน
 
เนื่องจากท่านใช้เวลาส่วนมากในการช่วยงานพระอาจารย์พัฒนาวัด จึงไม่มีเวลาไปศึกษาทางด้านปริยัติธรรมอย่างจริงจัง ต้องอาศัยเวลาในยามว่างเล่าเรียนธรรมและวิทยาคมจากท่านเจ้าคุณพรหม แต่เป็นการเรียนเพื่อรู้ ไม่ได้เข้าสอบไล่ในสนามหลวงเอาใบประกาศวุฒิบัตร จึงเป็นไปในลักษณะเรียนรู้หลักธรรมเล่านั้น เพื่อที่จะได้นำมาปฏิบัติได้ถูกต้องตามขั้นตอนของพระพุทธศาสนา กล่าวคือ ปริยัติ-ปฏิบัติ-และปฏิเวธ
 
ส่วนทางด้านวิปัสสนาธุระและวิทยาคมนั้น เข้าใจว่าท่านเจ้าคุณพรหมคงจะถ่ายทอดให้หมด เพราะท่านเป็นสานุศิษย์เพียงรูปเดียว ที่อยู่ปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิดตลอดมา แต่เนื่องด้วย อุปนิสัยที่สุขุมนุ่มนวลของท่าน ไม่ชอบโอ้อวด ไม่ค่อยแสดงออก จึงไม่เป็นที่เปิดเผยเท่าไรนัก
 
ทั้งนี้ ปฏิปทาของหลวงปู่เส่งจะหนักไปในทาง "เมตตาธรรม" เป็นหลักใหญ่ ดังจะเห็นได้จากการที่ใครมีทุกข์เดือดร้อน เมื่อบากหน้ามาหา ท่านก็ไม่เคยปฏิเสธความช่วยเหลือกับใครเลย ถ้าขอเป็นเงินท่านก็ให้เป็นเงินสงเคราะห์ไป ถ้าขอเป็นสิ่งของท่านก็ให้เป็นสิ่งของ บางรายที่ได้ทราบว่าท่านคือศิษย์ก้นกุฏิของท่านเจ้าคุณพรหม ผู้เรืองวิทยาคม ก็จะพากันมาขอรับน้ำมนต์-น้ำพร ท่านก็ไม่เคยขัดศรัทธา ฉลองศรัทธาทำให้ทุกๆ รายไป
 
นานวันเข้า คำร่ำลือในความศักดิ์สิทธิ์จากน้ำพระพุทธมนต์ที่หลวงปู่เส่งปลุกเสกก็แผ่ออกไปในวงกว้างมากขึ้นทุกที จึงมีมหาชนเป็นจำนวนมากแห่กันมาตั้งแต่เช้าจนกระทั่งเย็น ถึงยามวิกาล ทำให้ท่านเป็นพระเถระที่ทรงวิทยาคมขลังไปในทางปลุกเสก น้ำพระพุทธมนต์บัวลอย ปล่อยเคราะห์ไปโดยเหตุดังที่กล่าวมา
 
สาเหตุที่เรียก "น้ำพระพุทธมนต์บัวลอย" ปล่อยเคราะห์ ก็เพราะว่าผู้ที่ต้องการน้ำมนต์-น้ำพรจากหลวงปู่เส่งจะต้องนำดอกบัวขาว 3 ดอกเทียนขาว 1 เล่ม มาให้หลวงปู่เส่งท่านทำพิธีปลุกเสกให้ที่บาตรน้ำมนต์ แล้วท่านจะรด "น้ำพระพุทธมนต์บัวลอย" นั้นให้ เสร็จแล้วท่านก็จะให้ดอกบัวขาว 2 ดอกนั้น แก่ผู้ที่นำมา นำดอกบัวขาวที่หักก้านออกแล้ว 1 ดอกไปลอยลงในแม่พระคงคาเพื่อปล่อยเคราะห์เป็นอันเสร็จพิธี
 
สำหรับวิทยาคมด้านอื่นๆ เนื่องจากท่านเป็นพระสมถะที่ไม่ค่อยแสดงออก จึงมักปรากฏผลและทราบก็แต่เฉพาะผู้ที่ท่านสงเคราะห์ไปให้เป็นรายๆ เท่านั้น นอกจากนี้ ท่านได้ใช้เวลาว่างทำผ้ายันต์แจกศิษย์ โดยเขียนลงบนผืนผ้าสี่เหลี่ยมจัตุรัสจารอักขระขอมและยันต์ต่างๆ ด้วยมือของท่านเองทุกๆ ผืน
 
ส่วนวัตถุมงคลที่ท่านสร้างแจกแก่บรรดาศิษย์ทั่วไปในวาระต่างๆ มีพระสมเด็จ ปางสมาธิเนื้อผง พิมพ์ทรงฐาน 5 ชั้น, พระหลวงพ่อโตปางมารวิชัย เนื้อดินเผา พระนาคปรกเมล็ดข้าวเม่าหรือใบมะขามเนื้อทอง แดง-ทองเหลือง, พระเกศทองคำปางสมาธิ เนื้อเมฆพัด พระพิมพ์ขุนแผนปางมารวิชัย เนื้อผง และผ้ายันต์รูปสี่เหลี่ยม กว้างและยาวด้านละ 9 นิ้ว เหรียญรูปเหมือน มีรูปแบบและขนาดแตกต่างกันไป เช่น เหรียญรูปไข่ เนื้อทองแดง, เนื้อทองแดงชุบนิกเกิล, เหรียญรูปใบเสมาเนื้อทองแดง, เหรียญรูปอาร์มเนื้อทองแดง เงิน และทองคำ (ฉลองอายุ 80 ปี) เหรียญรูปไข่ (เหรียญ 2 หน้า) เนื้อทองแดงรมดำ ลักษณะคล้ายเหรียญเจ้าคุณพรหม
 
วัตถุมงคลของ "หลวงปู่เส่ง โสภโณ" วัดกัลยาณมิตร กรุงเทพฯ เล่าขานกันว่า ทรงคุณวิเศษทางเมตตามหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาดจากสรรพภัยทั้งปวง และเป็นที่หวงแหน-เสาะหาในหมู่ลูกศิษย์อยู่เสมอปฏิปทา หลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่านศรัทธาอุดม ปราจีนบุรี
 
 
ชาติภูมิ
 
ประวัติพระครูสังวรกิตติคุณ (หลวงพ่อเอีย) เกิดที่บ้านด่าน 
หมู่ ๕ ต.เกาะลอย อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี 
เมื่อวันอังคารที่ ๙ พฤษภาคม ๒๔๔๘ บิดาชื่อ เธียว 
มารดาชื่อ มา ขยันคิด ทั้งสองถึงแก่กรรมตั้งแต่หลวงพ่อเอียยังเยาว์
 
 
บรรพชา อุปสมบท
 
หลวงพ่อได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2465 
ตอนนั้นอายุได้เพียง 17 ปี เพราะจิตใจเลื่อมใสศรัทธาในพระศาสนา 
ศึกษาปริยัติธรรมเป็นที่เข้าใจดีแล้ว จึงได้ธุดงควัตรไปศึกษา
กฤตยาคมศิลปศาสตร์ จากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท 
และได้ถวายตัวเป็นศิษย์ปรนนิบัติรับใช้ และศึกษาวิชาไสยเวทย์อยู่กับหลวงปู่ศุข 
พอเข้าพรรษาก็กลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านด่าน
 
หลวงพ่อเอียเล่าว่า ท่านได้ศึกษาพุทธาคมกับหลวงปู่ศุของค์เดียว 
ในระยะที่ท่านเล่าเรียนไสยเวทย์กฤตยาคมกับหลวงปู่ศุขอยู่นั้น 
ท่านเห็นกรมหลวงชุมพรเขตต์อุดมศักดิ์ เสด็จไปๆมาๆหาหลวงปู่อยู่เสมอเป็นประจำ 
พร้อมกับ พ.ต.อ.พระกล้ากลางสมร ก็ได้ไปศึกษาไสยเวทอยู่กับหลวงปู่ศุข
 
หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท ท่านสำเร็จวิชา ธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ 
ท่านสามารถผูกหุ่นให้เฝ้าวัดได้ สะเดาะกุญแจ ล่องหนหายตัวได้ ระเบิดน้ำได้ 
ซึ่งครั้งหนึ่งท่านเคยระเบิดน้ำ ไปทำตะกรุดให้กับกรมหลวงชุมพรเขตต์อุดมศักดิ์ 
ท่านสามารถทำได้สารพัดอย่าง 
 
เมื่อหลวงพ่อเอียอายุได้ 20 ปี จึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา 
เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2468 ณ.พัทธสีมาวัดสัมพันธ์ ต.สัมพันธ์  
อ.ศรีมหาโพธิ ปราจีนบุรี พระครูสังวรกิจ เป็นพระอุปฌาย์ พระอธิการอ้วน 
วัดชัยมงคล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการเคน เจ้าอาวาสวัดบ้านด่าน 
เป็นอนุสาวนาจารย์
 
นอกจาก ท่านจะเล่าเรียนกฤตยาคมกับหลวงปู่ศุขแล้ว 
หลวงพ่อเอียยังเล่าว่าท่านได้พบอาจารย์อีกองค์หนึ่ง ซึ่งเชี่ยวชาญในด้านไสยเวทย์
เหมือนกันชื่อ โกลั่นฟ้า เป็นการพบกันโดยบังเอิญ เป็นพระธุดงค์มาจากประเทศลาว 
ได้ธุดงค์รอนแรมมาปักกลด บริเวณวัดบ้านด่าน หลวงพ่อได้นิมนต์ให้จำพรรษาอยู่ที่วัด 
อยู่ได้ 6 เดือนกว่า ท่านก็กลับไป ขณะที่จำพรรษาอยู่ที่วัด ท่านได้ศึกษาวิชาไสยเวทย์
จากพระอาจารย์ โกลั่นฟ้ามากมาย เมื่อครบกำหนดท่านกลับขณะที่หลวงพ่อกำลังครองจีวรอยู่ 
เพื่อที่จะออกไปส่ง ปรากฏว่าพระอาจารย์โกลั่นฟ้าหายไปแล้ว หลวงพ่อรีบติดตามเท่าไรก็ไมทัน
นับว่าพระอาจารย์โกลั่นฟ้า องค์นี้สำเร็จวิชา ย่นระยะทางได้อย่างแน่นอน
 
เพราะเหตุที่หลวงพ่อเอีย ท่านเชี่ยวชาญในกฤตยาคมด้านไสยเวทย์ 
โดยศึกษามาจากอาจารย์ต่างๆหลายท่าน ประกอบกับท่านมีวิชาอาคมแก่กล้า
ในทางเพ่งกสิณทำน้ำมนต์อีกด้วย ชื่อเสียงเกียรติคุณของหลวงพ่อเอีย 
จึงเลื่องลือระบือไกล ผู้คนต่างหลามไหลไปให้ท่านรักษาแม้แต่คนบ้า 
เสียจริต สติฟั่นเฟือน ตลอดจนผู้ถูกคุณไสย ภูตผีปีศาจ 
หรือถูกกระทำย่ำยี ซึ่งต่างก็พากันหาย มานักต่อนักแล้ว 
หลวงพ่อไม่เคยเรียกร้องเงินทองเป็นค่ารักษาเลยแม้แต่รายเดียว 
บางรายเป็นหนักรักษาอยู่ที่วัดเป็นแรมเดือนก็มี บางรายเป็นไม่มากรักษาสาม 
สี่วันก็หาย แต่ทางวัดเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด หลวงพ่อต้องรับภาระ
ใช้จ่ายเดือนละหลายหมื่นบาท นับว่าหลวงพ่อเป็นเทพเจ้าผู้สูงส่ง
ด้วยเมตตาธรรมโดยแท้จริง
 
หลวงพ่อเอีย ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านด่านตั้งแต่ พ.ศ.2482 
จนถึงวันมรณภาพ วันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ.2521 สิริอายุรวม 73 ปี.

รายการพระที่มีอยู่ในร้านค้าจำนวน 2 คลิ๊กดูรายการ รายการ

รุ่นที่สร้าง ตัวอย่าง และราคาโดยประมาณ

ลำดับรูปภาพชื่อรุ่นความนิยมราคาโดยประมาณราคารับเช่าวันที่
1.  ล็อกเกตรุ่นแรก เลี่ยมทองโบราณ ปิดหลังเต็ม เก็บสะสม 5,500  2012-03-28
จำนวนรายการทั้งหมด : 1
หน้า : [1]

โดย พระแท้.คอม เว็บ พระเครื่อง พระบูชา

Copyright Pratae.com All right reserved. © สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมายโดย พระแท้ ดอทคอม.
Design by IT Citizens Co., Ltd.